บทความ
ระบบ Curtain Wall Facade
รูปแบบการดีไซน์อาคาร ที่มีเอกลักษณ์ยุคใหม่ ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน มีสิ่งสำคัญเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการออกแบบลำดับแรก ๆ อยู่ เรียกว่า Facade ทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวอาคาร ชูความโดดเด่น และรูปแบบอาคารที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ คือ Curtain Wall Facade “ม่านกระจกสุดฮิต” คอยห่อหุ้มปกคลุมตัวอาคาร ที่สถาปนิกชื่อดัง และเจ้าของโครงการหลายที่เลือกนำมาปรับใช้ 



.

.
ระบบม่านกระจก Curtain Wall ควรผ่านทดสอบคุณภาพชิ้นส่วน
โดย ASTM สมาคมกำหนดมาตรฐานวัสดุที่ทั่วโลกยอมรับ

1.ทดสอบชิ้นส่วนประกอบ
2.ยกชิ้นส่วนไปทดสอบ 4 อย่าง
– พ่นลมเพื่อทดสอบการรั่วซึมของอากาศ
– ทดสอบการรั่วซึมของน้ำ
– เป่าลม เพื่อทดสอบการโก่งตัวของโครงสร้าง (หน่วยแรงดันทั่วไป 1.6 kPa)
– อัดลม ทดสอบประสิทธิภาพโครงสร้าง – ความแข็งแรงของโครงสร้าง (หน่วยแรงดันจุดวิกฤติ 2.4 kPa)
.

.
ชนิดกระจกที่มักใช้กันในงาน Curtain Wall
– กระจกลามิเนต (Laminated Glass) : ทนแรงดันลมที่สูง
– แรงอัดกระแทก ความแข็งแรงสูง ลดอันตรายเมื่อเสียหาย ป้องกันเสียงภายนอกรบกวนได้ดีกว่า เคลือบสีได้ตามความต้องการ ช่วยป้องกันความร้อน และรังสี UV ได้กว่า 90%
– กระจกฮีทสเตนงเท่น (Heat-strengthened Glass) : ทนความร้อนได้สูงถึง 290 ºC โดยเนื้อกระจกไม่ปริแตก แข็งแรงกว่ากระจกโฟลทธรรมดา 2 เท่า ประกบลามิเนตทนต่อแรงดันกระแสลมได้ดี ทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิฉับพลันเมื่อกระจกแตกรอยร้าวจะวิ่งเข้าหาขอบเฟรม
.

.
คุณสมบัติเด่นของระบบ Curtain Wall
– ออกแบบดีไซน์อาคารได้สวยงาม และหลากหลาย
– มีคุณสมบัติรองรับแรงลมในที่สูง และการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว
– ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง มีน้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย สังเกตซีลรอยรั่วป้องกันได้เร็ว
.
โครงสร้างเบื้องต้น ระบบผนังกระจก Curtain Wall
แบ่งออกเป็น Mullion (โครงตัวตั้ง) และ Transom (โครงตัวนอน)] 

Mullion: ทำหน้าที่รับน้ำหนักถ่ายเข้าสู่โครงสร้างผนังอาคารยาวต่อเนื่องกันเป็นแนวตั้ง 1-2 ชั้นขึ้นไป
Transom: เรียงเป็นแนวนอน ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของแผ่นลูกฟัก บานหน้าต่าง และแรงโหลดตายตัว
.
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก : www.researchgate.net / เพจ White Engineer และ www.kacha.co.th