กฎหมายกระจกอาคาร
กฎหมายกระจกอาคาร
การก่อสร้างอาคารหรือบ้านเรือนผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวต้องยื่นแบบที่จะใช้ก่อสร้าง เอกสารต้องระบุให้ชัดเจนว่ามีจำนวนพื้นที่กี่ชั้น เพราะแต่ละพื้นที่ถูกกำหนดความสูงของอาคารไม่เท่ากัน อาคารสำนักงานที่มีจำนวนพื้นที่ปฏิบัติงานไม่ต่ำกว่า 5 ชั้นขึ้นไปต้องเพิ่มเติมรายละเอียดที่มากกว่า เพราะการก่อสร้างอาคารสูงมีกฎหมายควบคุมมากมายซึ่งครอบคลุมถึงการเลือกใช้กระจกอาคารในการก่อสร้าง หากก่อสร้างห้องแถวความสูง 2-4 ชั้น การเลือกกระจกอาคารจะไม่เข้มงวด คุณสามารถเลือกวัสดุประเภทกระจกเป็นกระจกเทมเปอร์หรือกระจกลามิเนตก็ได้ ต่างจากอาคารขนาดใหญ่ที่กฎหมายระบุไว้ว่า ต้องเลือกใช้กระจกสองชั้นหรือกระจกลามิเนต เพราะความปลอดภัยมีมากกว่ากระจกเทมเปอร์
จุดเด่นของกระจกอาคารประเภทลามิเนตคือ เป็นกระจกสองชั้นที่ถูกยึดด้วยฟิล์มประเภทต่าง ๆ แผ่นฟิล์มนี้เปรียบเสมือนกาวยึดเหนี่ยวเนื้อกระจกทั้งแผ่นไว้ หากกระจกอาคารได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดรอยร้าวหรือแตก กระจกอาคารประเภทลามิเนตจะไม่มีเศษกระจกร่วงสู่พื้นเพราะแผ่นฟิล์มยึดไว้ หากเนื้อฟิล์มไม่ขาด (ซึ่งเป็นการยาก) เนื้อกระจกที่แตกจะไม่หลุดตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง ซึ่งไม่ทำอันตรายต่อผู้บริสุทธิ์ที่สัญจรในบริเวณดังกล่าว รวมไปถึงการรื้อถอนหรือติดตั้งที่ผู้ดำเนินงานสามารถควบคุมทิศทางของกระจกอาคารประเภทลามิเนตได้ดีกว่า
หากคุณเลือกใช้กระจกเทมเปอร์กับอาคารสูงจะส่งผลเสียอย่างไร?
กระจกเทมเปอร์เป็นกระจกแผ่นเดียวที่ถูกเพิ่ม ‘ความเครียด’ ให้เนื้อกระจก เมื่อกระจกอาคารประเภทเทมเปอร์ได้รับแรงกระแทกจนแตก เนื้อกระจกที่แตกมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวโพดซึ่งมีความคมน้อยมาก และจะก่อให้เกิดรอยแตกร้าวทั่วทั้งแผ่นกระจกอาคารซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรด้านล่างอาคารเพราะเนื้อกระจกจะกระจายตัวตามอาคารและร่วงลงตามแรงดึงดูด หากใช้ภายในอาคาร อาทิ ประตูกระจกบานเปลือย จะใช้กระจกเทมเปอร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายได้ เพราะกระจกอาคารประเภทเทมเปอร์มีความแข็งแรงกว่าจะกระจกทั่วไปถึง 5 เท่า และเมื่อแตกจากการถูกกระแทกก็สร้างบาดแผลได้น้อย ดังนั้น จึงควรเลือกกระจกอาคารให้เหมาะสมกับสภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อความปลอดภัยของทุกคน